เปิดเทคนิค! ฝึกลูกพูดอย่างไรให้เป็นธรรมชาติ
เปิดเทคนิค! ฝึกลูกพูดอย่างไรให้เป็นธรรมชาติ
โดย : หมอคู่คิดส์ | 22 ตุลาคม 2024 | บทความแม่และเด็ก
การพูดเป็นทักษะที่สำคัญต่อการสื่อสารและพัฒนาการทางสังคมของเด็ก การเข้าใจพัฒนาการการพูดของเด็ก จะช่วยให้พ่อแม่สามารถฝึกฝนและเสริมสร้างทักษะการพูดของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามธรรมชาติ ซึ่งการฝึกลูกให้พูดนั้น บอกเลยว่าไม่ยาก เพราะเรามีเทคนิคดีๆ มาแชร์ให้แล้วในบทความนี้
**ฟรี! ประเมินพัฒนาการและการเติบโตของลูก ได้ที่แอปฯ หมอคู่คิดส์**
พัฒนาการการพูดของเด็กแต่ละวัย
วัยทารก (0-12 เดือน)
ในช่วงเดือนแรกๆ ของลูกน้อย เด็กทารกจะเริ่มทำเสียงต่างๆ เช่น ร้องไห้ หัวเราะ และส่งเสียงคล้ายการบ่น เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4-6 ทารกจะเริ่มทำเสียงต่างๆ เป็นพยางค์ เช่น “บา บา” หรือ “ดา ดา” การส่งเสียงเหล่านี้เป็นสัญญาณแรกของพัฒนาการการพูด
วัยหัดเดิน (12-24 เดือน)
เด็กในวัยนี้จะเริ่มพูดคำที่มีความหมายแรก เช่น “แม่” หรือ “ป๊า” เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 18 เด็กสามารถพูดคำได้ประมาณ 10-20 คำ และจะเริ่มรวมคำง่ายๆ เพื่อสื่อสารความหมาย เช่น “ไป เล่น”
วัยปฐมวัย (2-3 ปี)
การเรียนรู้คำศัพท์ของเด็กในวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเด็กวัยนี้จะพูดคำสั่งง่ายๆ และเริ่มสร้างประโยคสั้นๆ ได้ นอกจากนี้เด็กยังสามารถเข้าใจคำถามและคำชี้แนะจากผู้ใหญ่ได้อีกด้วย
วัยก่อนเรียน (3-5 ปี)
เด็กสามารถพูดประโยคยาวขึ้นและโต้ตอบกับผู้อื่นได้อย่างชัดเจน น้องสามารถเล่าเรื่องสั้นๆ ที่มีการเรียงลำดับได้อย่างถูกต้อง และสามารถใช้คำศัพท์ที่หลากหลายมากขึ้น
วัยประถม (6 ปีขึ้นไป)
ในวัยนี้เด็กเริ่มมีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา สามารถพูดด้วยโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนและใช้เหตุผลในการสื่อสารได้ เด็กสามารถเข้าใจคำศัพท์นามธรรมและคำที่มีความหมายหลายระดับ
ฝึกลูกพูดอย่างไร ให้พูดได้ไวและเป็นธรรมชาติ
พัฒนาการของเด็กแต่ละคน อาจไม่พร้อมกัน หากลูกพูดช้า ให้ฝึกเรื่อยๆ ไม่ต้องกังวล
พูดคุยกับลูกบ่อยๆ
การพูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการการพูด โดยเด็กจะเรียนรู้คำศัพท์ การออกเสียง และวิธีการสนทนาจากการฟังผู้ใหญ่พูด
อ่านหนังสือให้ลูกฟัง
การอ่านหนังสือช่วยเสริมสร้างคลังคำศัพท์และกระตุ้นจินตนาการ การเล่าเรื่องจากหนังสือยังช่วยให้เด็กเข้าใจโครงสร้างประโยคและวัฒนธรรมการเล่าเรื่อง
ใช้เพลงและดนตรี
การร้องเพลงหรือฟังดนตรีช่วยพัฒนาเรื่องเสียงและจังหวะในภาษา เด็กจะสนุกไปกับการเรียนรู้และการออกเสียงคำตามจังหวะเพลง
กระตุ้นด้วยเกมและกิจกรรมต่างๆ
การใช้เกมเพื่อสื่อสาร เช่น เกมทายคำ ใบ้คำ หรือเกมทายคำศัพท์ จะช่วยให้เด็กฝึกฝนการฟังและการพูดในบริบทที่เป็นธรรมชาติ
อดทนและให้กำลังใจ
การสอนให้เด็กพูดต้องใช้ความอดทน ให้ลูกมีโอกาสพูดออกมา อย่ารีบแก้ไขคำผิด ดุว่า หรือตำหนิ แต่ควรปรับด้วยความใจเย็น น้ำเสียงที่นุ่มนวล และให้คำแนะนำ เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกกดดัน
ตอบสนองการพูดของลูก
เมื่อลูกพูดหรือตั้งคำถาม ให้พ่อแม่ตอบสนองด้วยความใส่ใจ การตอบสนองนั้นจะทำให้เด็กได้เรียนรู้คำตอบและการสนทนาที่มีประสิทธิภาพ
สร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการพูด
ให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เช่น การพาไปเจอเด็กๆ ในวัยเดียวกัน หรือการเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรม ที่สมาชิกทุกคนได้มีโอกาสพุดคุยหรือทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน
ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
สมัยนี้มีสื่อเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณพ่อคุณแม่มากมาย ซึ่งสื่อดิจิทัลเหล่านี้ถือว่าประโยชน์ แต่ควรจำกัดเวลาและให้ลูกได้ดูสื่อที่มีประโยชน์และช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติอย่างแท้จริง
ประโยชน์ของการฝึกให้ลูกพูด
การฝึกฝนการพูดของเด็กอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร แต่ยังมีประโยชน์อื่นๆ ดังนี้
พัฒนาทักษะสังคม : การพูดคุยช่วยให้เด็กเรียนรู้การเข้าสังคม สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น และสามารถแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นได้
เสริมสร้างความมั่นใจ : การที่เด็กสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ช่วยสร้างความมั่นใจในการพูดทั้งในที่สาธารณะและในสถานการณ์ต่างๆ
พัฒนาทักษะความคิด : การพูดคุยอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นการคิดวิเคราะห์ ปัญญาเชิงเหตุผล และการแก้ไขปัญหาของเด็ก
เสริมสร้างการเรียนรู้ : การมีพัฒนาการการพูดที่ดีสอดคล้องกับความสำเร็จในการเรียนรู้ด้านวิชาการ เด็กที่มีทักษะการสื่อสารที่ดีมักจะมีผลการเรียนที่ดีในวิชาต่างๆ
สรุปเทคนิคการฝึกลูกพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
พัฒนาการการพูดเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลา การเข้าใจแต่ละขั้นตอนของพัฒนาการช่วยให้พ่อแม่สามารถสนับสนุนและส่งเสริมการพูดของลูกได้อย่างถูกวิธี การฝึกฝนการพูดอย่างเป็นธรรมชาติต้องใช้ความอดทนและความต่อเนื่อง แต่ผลที่ได้คือพัฒนาการที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ในอนาคตของเด็กอย่างมหาศาล การฝึกลูกให้พูดอย่างเป็นธรรมชาติไม่เพียงแค่ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาที่ดี แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาด้านสมอง สังคม และอารมณ์ของเด็กอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการดำเนินชีวิตในทุกๆ ด้านในอนาคตของเด็ก
คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android