ลูกเมารถทำยังไงดี ดูวิธีรับมือก่อนพาลูกออกเที่ยว
ลูกเมารถทำยังไงดี ดูวิธีรับมือก่อนพาลูกออกเที่ยว
โดย : หมอคู่คิดส์ | 12 ธันวาคม 2024 | บทความทางการแพทย์
Highlight
– อาการเมารถ เกิดจากระบบรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นใน ทำงานไม่ประสานกับภาพที่มอง ส่งผลให้การรับสัญญาณของสมองขัดแย้งกัน
– กลุ่มเด็กที่เมารถง่ายคือช่วงอายุ 2-12 ปี
– อาการหลักๆ ที่มักพบ คือ เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก หน้าซีด
– วิธีรับมือเบื้องต้น คือ ให้ลูกนั่งด้านหน้าของรถ เปิดกระจกรถให้อากาศถ่ายเท ให้ลูกมองไกลๆ นอกรถ และหยุดพักระหว่างเดินทาง
การเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำที่ดี แต่บางครั้งเจ้าตัวเล็กทั้งหลายอาจประสบปัญหาการเมารถได้ รวมไปถึงการเมาเรือหรือเมาเครื่องบิน ซึ่งอาจทำให้การเดินทางที่สนุกสนานกลับกลายเป็นความท้าทายได้ โดยอาการเมารถในเด็กเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีวิธีมากมายที่จะช่วยบรรเทาอาการเมารถและทำให้การเดินทางของครอบครัวสุขสันต์ราบรื่นขึ้น บทความนี้จะมาแนะนำวิธีรับมือลูกเมารถก่อนออกเที่ยว เพื่อให้ครอบครัวของคุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้อย่างเต็มที่
เมารถเกิดจากอะไร
อาการเมารถนัั้นจริงๆ แล้วอาจรวมถึงการเมาเรือ เมาเครื่องบิน หรือเมาเครื่องเล่นผาดโผนต่างๆ ด้วย ซึ่งเรียกรวมๆ ได้ว่า อาการเมาจากการเคลื่อนไหว (Motion Sickness) เกิดจากระบบประสาทไม่สามารถจัดการกับข้อมูลจากหู ตา และระบบการทรงตัวได้เป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเราอยู่ในรถที่กำลังเคลื่อนที่ ระบบประสาทของเราต้องประมวลผลข้อมูลจากตา หูชั้นใน (ที่ช่วยในการทรงตัว) และกายสัมผัส เมื่อข้อมูลดังกล่าวขัดแย้งกัน เช่น เมื่ออยู่ในรถที่กำลังเคลื่อนที่ แต่ดวงตาเห็นว่าเรายังคงอยู่เฉยๆ อาจทำให้เกิดอาการเมารถขึ้น อาการนี้สามารถพบได้ในเด็กบ่อยกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากระบบประสาทของเด็กยังไม่พัฒนาถึงระดับที่สามารถรับมือกับข้อมูลที่ขัดแย้งกันได้ดี
ปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง
– การนั่งรถที่มีการขับแบบฉวัดเฉวียน หรือเหวี่ยงไปมา
– สภาพถนนที่คดเคี้ยว ขรุขระ หรือการเร่งรถ เบรกรถกะทันหัน
– นั่งเรือที่มีการโคลงเคลงตามคลื่น
– นั่งเครื่องบิน
– เล่นเครื่องเล่นที่ผาดโผน
– เด็กที่เคยเมารถมาก่อน อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการซ้ำในการเดินทางครั้งต่อไป
– สภาพแวดล้อมในรถ เช่น กลิ่น อุณหภูมิ และการระบายอากาศที่ไม่ดีในรถ
กลุ่มเด็กที่เมารถง่าย
– เด็กอายุ 2-12 ปี
– มีการใช้ยาบางประเภท
– เป็นโรคไมเกรน
– มีประสาทการรับรู้การเคลื่อนไหวเร็ว
อาการเมารถเป็นอย่างไร
อาการเมารถของเด็กสามารถแสดงออกมาได้หลายรูปแบบ ดังนี้
– คลื่นไส้ อาเจียน
– เวียนหัว
– อ่อนเพลีย
– เหงื่อออก
– ร้องไห้ กระสับกระส่าย
– ไม่สบายท้อง
– หน้าซีด
– ไม่อยากกินอาหาร
อาการแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์
– หากลงจากรถ เรือ เครื่องบิน หรือเครื่องเล่นผาดโผนสักพัก แล้วยังคลื่นไส้ อาเจียน อย่างต่อเนื่อง
– ดื่มน้ำได้น้อยหรือไม่ได้เลย จนมีภาวะขาดน้ำ (ปากแห้ง คอแห้ง ใจสั่น อ่อนเพลีย)
– มีอาการต่อเนื่องนานเกิน 24 ชั่วโมง หรือเป็นแบบถี่ขึ้น แรงขึ้นกว่าเดิม
วิธีป้องกันและรับมือกับอาการเมารถในเด็ก
อาการเมารถในเด็กอาจเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก แต่สามารถป้องกันและรับมือได้
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง
การเตรียมตัวที่ดีก่อนออกเดินทางสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดอาการเมารถได้อย่างมาก เช่น
– วางแผนการเดินทาง : เลือกเส้นทางที่มีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หลีกเลี่ยงถนนที่คดเคี้ยวหรือขรุขระ
– จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น : เตรียมถุงพลาสติก ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าสำรองไว้ในกรณีที่เกิดอาการอาเจียน
– ทำให้รถมีอากาศถ่ายเทสะดวก : เปิดแอร์หรือหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี และรักษาอุณหภูมิในรถให้เย็นสบาย
– พักผ่อนให้เพียงพอ : ก่อนวันเดินทาง ควรให้ลูกพักผ่อนเยอะๆ
จัดตำแหน่งที่นั่งในรถให้เหมาะสม
ตำแหน่งที่นั่งในรถมีผลอย่างมากต่ออาการเมารถ การจัดตำแหน่งที่นั่งที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอาการเมารถได้
– ให้เด็กนั่งด้านหน้าของรถ : ตำแหน่งนี้จะช่วยลดการเคลื่อนไหวและการโยกเยกของรถ
– หันหน้าไปทางด้านหน้า : ให้เด็กมองไปข้างหน้าแทนที่จะมองออกด้านข้างหรือด้านหลัง
– หลีกเลี่ยงการนั่งท้ายรถ : บริเวณท้ายรถมักจะมีการเคลื่อนไหวมากกว่าส่วนอื่นๆ
หากิจกรรมทำระหว่างการเดินทาง
การทำกิจกรรมที่เหมาะสมระหว่างการเดินทางสามารถช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กจากอาการเมารถได้
– เล่นเกมที่ไม่ต้องมองออกนอกรถ : เช่น เกมทายคำ หรือเกมฟังเพลง
– ฟังนิทานเสียง : เป็นวิธีที่ดีในการเพลิดเพลินโดยไม่ต้องใช้สายตามาก
– พูดคุยกับเด็ก : การสนทนาจะช่วยให้เด็กไม่จดจ่อกับความรู้สึกไม่สบายตัว
– หยุดพักบ่อยๆ ระหว่างเดินทาง : ให้เด็กได้ออกมาเดินและสูดอากาศบริสุทธิ์
รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสม
การให้ลูกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสม ไม่รับประทานอาหารจำนวนมากเกินไป สามารถช่วยบรรเทาอาการเมารถได้
– ให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ : การรักษาร่างกายให้ชุ่มชื้นช่วยลดอาการคลื่นไส้
– เลือกอาหารเบาๆ : เช่น ขนมปังกรอบ แครกเกอร์ หรือผลไม้สด
– หลีกเลี่ยงอาหารมัน เผ็ด หรือรสจัด : อาหารเหล่านี้อาจทำให้อาการเมารถแย่ลง
ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย
เมื่อเด็กมีอาการเมารถ อาจเกิดความวิตกกังวลต่อการเดินทาง ดังนั้นจึงควรหาวิธีผ่อนคลายเพื่อให้ลูกรู้สึกดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมกลิ่นฉุนภายในรถ
– สอนเด็กเทคนิคการหายใจลึกๆ : การหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกช้าๆ ช่วยลดความวิตกกังวลและอาการคลื่นไส้
– ใช้เทคนิคการจินตนาการ : ให้เด็กจินตนาการถึงสถานที่ที่สงบและผ่อนคลาย
– นวดเบาๆ : การนวดมือหรือข้อมือของเด็กเบาๆ สามารถช่วยให้ผ่อนคลายได้
ปรับพฤติกรรมการขับรถ
วิธีการขับรถของคนขับมีผลอย่างมากต่ออาการเมารถของเด็ก ดังนั้นจึงควรปฏิบัติดังนี้
– ขับรถให้นุ่มนวล : หลีกเลี่ยงการเร่งและเบรกกะทันหัน
– รักษาความเร็วให้คงที่ : การเปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ อาจทำให้อาการเมารถแย่ลง
– เลือกเส้นทางที่ราบเรียบ : หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงถนนที่คดเคี้ยวหรือขรุขระ
– หยุดพักรถบ่อยๆ : ให้เด็กได้ออกมาเดินและสูดอากาศบริสุทธิ์ทุก 1-2 ชั่วโมง
*ห้ามให้เด็กกินยาแก้เมารถของผู้ใหญ่เด็ดขาด แต่ในปัจจุบันมียาแก้เมารถแบบเคี้ยวสำหรับเด็กอายุ 2-12 ปี สามารถให้ลูกกินได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์*
สรุปวิธีรับมือเมื่อลูกเมารถ
การเมารถในเด็กอาจเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในการเดินทาง แต่สามารถป้องกันและบรรเทาได้ด้วยการเตรียมพร้อมที่ดี เมื่อมีแผนการที่ดีก็จะสามารถทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและผ่อนคลายมากขึ้น ควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารและสร้างความไว้วางใจกับเด็กๆ เพื่อให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและสนุกไปกับการเดินทาง
คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android