เช็กอาการโรคสมาธิสั้น ลูกเราเข้าข่ายหรือเปล่า
เช็กอาการโรคสมาธิสั้น ลูกเราเข้าข่ายหรือเปล่า
โดย : หมอคู่คิดส์ | 20 กุมภาพันธ์ 2025 | บทความทางการแพทย์
Highlight
– โรคสมาธิสั้น มี 3 กลุ่มอาการ คือ อยู่ไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิ หุนหันพลันแล่น
– การวินิจฉัยจะเน้นไปที่การประเมินพฤติกรรมและอาการของเด็ก
– ควรใช้การสื่อสารที่กระชับกับลูก เพื่อช่วยปรับพฤติกรรม
– หากิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกทำ เช่น เล่นกีฬา ดนตรี ศิลปะ
– จำกัดเวลาดูจอไม่เกิน 1 ชม./วัน
– ในกรณีที่ต้องการใช้ยาเพื่อรักษา ควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์
สมาธิสั้น ถือเป็นอีกหนึ่งอาการของลูกน้อย ที่พ่อแม่หลายคนกังวลใจ จนเกิดความสงสัยว่าการที่ลูกซนนั้นถือเป็นเรื่องปกติของเด็กตามวัย หรือลูกน้อยมีความเสี่ยงหรือเข้าข่ายในการเป็นโรคสมาธิสั้น บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับอาการนี้กันให้มากขึ้น พร้อมด้วยข้อควรระวัง รวมถึงวิธีการดูแลลูกน้อย
โรคสมาธิสั้น คืออะไร
โรคสมาธิสั้น หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) เป็นภาวะทางพฤติกรรมที่มักพบในเด็ก แต่ก็สามารถพบได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน สำหรับภาวะนี้เกิดจากสมองส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมสมาธิและอารมณ์ มีการทำงานลดลง โดยโรคนี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจดจ่อ การควบคุมแรงกระตุ้น และระดับกิจกรรมของบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียน และการปรับตัวเข้าสังคม
สาเหตุของโรคสมาธิสั้น
โรคสมาธิเกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่างร่วมกัน เช่น
– ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม : สามารถถ่ายทอดในครอบครัวได้ร้อยละ 75
– ปัจจัยด้านระบบประสาท : การทำงานของสมองส่วนหน้าที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดจากการทำงานทางเคมีในสมองที่ไม่สมดุล
– ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม : การอยู่สภาพแวดล้อมที่มีความเครียด การที่แม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราขณะตั้งครรภ์ หรือเด็กที่คลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าปกติ
ลักษณะอาการของโรคสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการหลัก ได้แก่
1. พฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง
– ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้นาน มักจะขยับตัวหรือเคลื่อนไหวตลอดเวลา
– วิ่งหรือปีนป่ายในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
– พูดมากเกินไป หรือไม่สามารถเล่นเงียบๆ ได้
2. พฤติกรรมขาดสมาธิ
– มีปัญหาในการจดจ่อกับรายละเอียดหรือกิจกรรมต่างๆ
– ไม่สามารถฟังคำสั่งหรือคำแนะนำได้อย่างเต็มที่
– วอกแวกง่าย หลงลืมบ่อย
– มีปัญหาในการจัดระเบียบ
– หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายามทางจิตใจสูง
3. พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น
– พูดแทรกหรือตอบคำถามก่อนที่คำถามจะจบ
– มีปัญหาในการรอคอย
– ทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
สำหรับอาการทั้ง 3 กลุ่มนี้ เด็กบางคนอาจมีอาการเพียงแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรืออาจมีอาการทั้ง 3 กลุ่มร่วมกันก็ได้
การวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น
สำหรับการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้นไม่ได้อาศัยการทดสอบเลือดหรือเอกซเรย์ แต่จะขึ้นอยู่กับการประเมินพฤติกรรมและอาการของเด็ก นอกจากนี้ยังรวมถึงการสัมภาษณ์พ่อแม่และครูเพื่อประเมินพฤติกรรมของเด็กในหลายๆ สถานการณ์ การใช้แบบสอบถามมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อระบุอาการของสมาธิสั้น หรือการตรวจร่างกายและการทดสอบต่างๆ เพื่อแยกแยะจากโรคอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกัน
การรักษาโรคสมาธิสั้น
สำหรับเด็กที่เข้าข่ายการเป็นโรคสมาธิสั้น มีวิธีการรักษาหลายวิธี ดังนี้
การปรับพฤติกรรม
หากพ่อแม่ต้องการพูดหรือออกคำสั่งต่างๆ กับลูก ควรใช้การสื่อสารที่กระชับและตรงไปตรงมา ควรให้เด็กหยุดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำอยู่ พร้อมทวนสิ่งที่พ่อแม่สื่อสาร ว่าลูกเข้าใจเรื่องนั้นได้ครบถ้วนถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถใช้กับการปรับพฤติกรรมได้ ดังนี้
– จัดตารางเวลาให้ชัดเจน
– ปรับสภาพแวดล้อม ลดสิ่งเร้ารอบตัว
– หากิจกรรมให้เด็กทำในแต่ละวัน เช่น เล่นกีฬา ดนตรี ศิลปะ
– จำกัดเวลาดูจอหรือสื่อต่างๆ ไม่เกิน 1 ชม./วัน
– ชื่นชมเมื่อลูกทำได้ดี
– เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก เรื่องระเบียบวินัย
การรักษาด้วยยา
มียาหลายชนิดที่สามารถช่วยรักษาสมาธิสั้นและลดอาการพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นได้ อาทิ
– ยาในกลุ่มออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท
– ยาในกลุ่มไม่ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท
– ยากลุ่ม Alpha 2 agonist
– ยาต้านเศร้า
*แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ*
ความสำคัญของการเข้าใจโรคสมาธิสั้น
การที่สังคมมีความเข้าใจและยอมรับเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้นนั้นมีความสำคัญมาก เพราะจะส่งผลให้เด็กที่มีปัญหาดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุนที่จำเป็น นอกจากนี้การที่โรงเรียนและสถาบันการศึกษาสามารถปรับโปรแกรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและการพัฒนาของเด็กได้อีกทางหนึ่ง
สรุปเรื่องของโรคสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้นในเด็กเป็นปัญหาที่อาจมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและพัฒนาการของเด็ก แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจและปฏิบัติต่อเด็กด้วยความเอาใจใส่ การได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา รวมถึงการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคมจะช่วยให้เด็กสามารถเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ
คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android