ขลิบ vs ไม่ขลิบ ทำความเข้าใจเรื่อง(ไม่)เล็กของเด็กชาย
ขลิบ vs ไม่ขลิบ ทำความเข้าใจเรื่อง(ไม่)เล็กของเด็กชาย
โดย : หมอคู่คิดส์ | 26 เมษายน 2024 | บทความทางการแพทย์
Highlight
– การขลิบหนังหุ้มปลาย คือ การผ่าตัดเพื่อเอาหนังหุ้มปลายของอวัยวะเพศชายส่วนเกินออก ให้ง่ายกว่าต่อการทำความสะอาด
– การขลิบจะช่วยลดการติดเชื้อต่างๆ ที่อวัยวะเพศ
– สามารถเริ่มขลิบได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด 1-2 วัน
– ในขณะทำการขลิบอาจเสี่ยงติดเชื้อ รวมถึงการอักเสบหลังผ่าตัด
– หากเลือกไม่ขลิบ แต่ถ้ามีการดูแลเรื่องความสะอาดอย่างดี ก็ช่วยลดโอกาสติดเชื้อโรคได้
– ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดจากแพทย์ทั่วโลกว่า ขลิบหรือไม่ขลิบ แบบไหนจะดีกว่ากัน
– คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของทั้ง 2 วิธี และให้ความยินยอม
อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกชาย คือเรื่องของการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของลูกน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ยังหาคำตอบแบบชัดเจนไม่ได้ว่า “ขลิบ” หรือ “ไม่ขลิบ” แบบไหนจะดีกว่ากัน เพราะแพทย์จากทั่วโลกก็ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันไป ซึ่งในบทความนี้จะพาไปเรียนรู้เรื่องของการขลิบหนังหุ้มปลายกันแบบละเอียด
การขลิบหนังหุ้มปลายคืออะไร
การขลิบหนังหุ้มปลาย (Circumcision) คือ การผ่าตัดเพื่อเอาหนังหุ้มปลายของอวัยวะเพศชายส่วนเกินออก ให้ง่ายกว่าต่อการทำความสะอาด และช่วยทำให้ล้างสิ่งสกปรกจากสารคัดหลั่งได้สะดวกขึ้น เช่น คราบเหงื่อ คราบปัสสาวะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะหมักหมมอยู่ในบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยสามารถเริ่มขลิบได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด 1-2 วัน (ต้องแข็งแรงและไม่ได้คลอดกำหนด) ส่วนเด็กในช่วงอายุ 2-6 ปี ก็สามารถทำการขลิบหนังหุ้มปลายได้ด้วยเช่นกัน
ถ้าขลิบหนังหุ้มปลาย จะดีไหม
ตามธรรมชาติของเด็กผู้ชาย เมื่อเกิดมาจะมีหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เมื่อเริ่มเข้าสู่อายุ 2 ปี หนังหุ้มปลายก็จะเริ่มเปิดได้ดีขึ้น และสามารถเปิดได้จนเกือบหมด เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แต่ถ้าหากในครอบครัวมีความเชื่อหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่บอกต่อๆ กันมาว่าควรขลิบหนังหุ้มปลายให้ลูกชาย ก็สามารถให้แพทย์ทำได้ตั้งแต่แรกเกิด
ข้อดีของการขลิบ
– ดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย
– ลดโอกาสการติดเชื้อที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศและติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
– ป้องกันการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ (หนังหุ้มปลายตีบ/แตก/อักเสบ)
– ลดโอกาสการเกิดมะเร็งอวัยวะเพศ
– ลดการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เมื่อลูกโตขึ้น)
ข้อควรระวัง
– ในขณะขลิบอาจเสี่ยงติดเชื้อหรือเกิดการตึงรั้งของอวัยวะเพศ
– อาจเกิดการอักเสบของแผลหลังผ่าตัด
– มีความเสี่ยงที่ความรู้สึกส่วนปลายขององคชาตจะลดลง
– ปัญหาจากการตัดหนังออกมากเกินไป ทำให้มีการตึงรั้งของอวัยวะเพศ โดยเฉพาะเวลาแข็งตัว
– รูเปิดท่อปัสสาวะที่ไม่มีผิวหนังปกคลุม จะมีการเสียดสีกับผ้า จนอาจอักเสบและตีบลงได้
– ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เช่น อาการบวม เลือดออก เจ็บแผล
– หากผลการขลิบไม่เป็นที่พอใจในด้านความงาม อาจส่งผลให้เด็กเสียความมั่นใจ เมื่อโตขึ้น
ขั้นตอนการขลิบหนังหุ้มปลาย
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของเด็กชายถือเป็นการผ่าตัดเล็ก ซึ่งแพทย์จะมีการใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ในเด็กแรกเกิดเท่านั้น แต่หากคุณพ่อคุณแม่พาลูกชายที่มีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป ไปทำการขลิบ ก็จะมีการใข้ยาสลบแล้วจึงการผ่าตัด โดยใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
การดูแลหลังขลิบ
– หลีกเลียงการโดนน้ำหลังจากทำการผ่าตัดประมาณ 3 วัน
– หากแผลเปียกให้รีบเช็ดทำความสะอาดให้แห้งทันที
– สวมใส่กางเกงสบายๆ ให้ลูก
– งดพาลูกไปทำกิจกรรมที่โลดโผน
– หากรู้สึกระคายเคืองที่แผล สามารถทาเจลหรือขี้ผึ้งได้
– หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการได้
ถ้าไม่ขลิบหนังหุ้มปลาย จะเป็นอะไรไหม
ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าในปัจจุบันยังไม่มีการฟันธงอย่างชัดเจนว่า “ขลิบหรือไม่ขลิบ” แบบไหนจะดีกว่ากัน เพราะแพทย์จากทั่วโลกต่างก็มีความเห็นที่แตกต่างก้นออกไป แต่หากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ตัดสินใจไม่ขลิบหนังหุ้มปลายอว้ยวะเพศให้ลูกชาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะหากมีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ข้อดีของการไม่ขลิบ
– ลูกน้อยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด
– ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัด
– ถ้ามีการดูแลความสะอาดอวัยวะเพศให้ดีอยู่เสมอ ก็สามารถช่วยลดโอกาสการเกิดเชื้อโรคได้
ข้อควรระวัง
– หากทำความสะอาดไม่ดี อาจเป็นแหล่งสะสมและหมักหมมของเชื้อโรคได้
– ควรหมั่นสังเกตอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
หากมีอาการเหล่านี้ จำเป็นต้องขลิบ
– ปัสสาวะลำบาก
– หนังหุ้มปลายเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะทางเดินปัสสาวะอักเสบ
– มีการอักเสบเรื้อรังของหนังหุ้มปลาย
– เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว หนังหุ้มปลายยังไม่เปิด
– หนังหุ้มปลายมีการรัดอวัยวะเพศ จนปวดหรือบวม
เปอร์เซ็นต์การขลิบในประเทศต่างๆ
ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นมีข้อศึกษาด้านการแพทย์ รวมไปถึงความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์การขลิบหนังหุ้มปลายของหลายๆ ประเทศมาฝากกัน ดังนี้
– เกาหลีใต้ มีการขลิบเฉลี่ย 77%
– สหรัฐอเมริกา มีการขลิบเฉลี่ย 71.2%
– ออสเตรเลีย มีการขลิบเฉลี่ย 26.6%
– ไทย มีการขลิบเฉลี่ย 23.4%
– อังกฤษ มีการขลิบเฉลี่ย 20.7%
– ฝรั่งเศส มีการขลิบเฉลี่ย 14%
– จีน มีการขลิบเฉลี่ย 14%
– ญี่ปุ่น มีการขลิบเฉลี่ย 9%
– นอร์เวย์ มีการขลิบเฉลี่ย 3%
– บราซิล มีการขลิบเฉลี่ย 1.3%
ที่มา : www.worldpopulationreview.com
แล้วควรจะขลิบหรือไม่ขลิบดีนะ?
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่ยังลังเลหรือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขลิบหรือไม่ขลิบให้ลูกชายดี เรามีอีกหนึ่งข้อมูลมากฝากกัน โดยในปัจจุบันสมาคมกุมารแพทย์ของสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และแคนาดา ได้มีแนะนำว่าการขลิบไม่ได้เป็นแบบแผนปฏิบัติสำหรับทารกโดยทั่วไป ควรทำเฉพาะคนที่มีความจำเป็นเท่านั้น เช่น มีปัญหาเรื่องการปัสสาวะที่ผิดปกติ หรืออาจเป็นเรื่องความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับศาสนา
อีกทั้งยังไม่ได้มีความชัดเจนถึงข้อดีด้านอื่นๆ ของการขลิบในทารกปกติที่ไม่ได้มีปัญหาความผิดปกติเกี่ยวกับการปัสสาวะ ดังนั้นความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ก็อาจจะไม่ได้เป็นลูกคุณไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายเสมอไป บางครั้งการเสี่ยงติดเชื้อหรือการเป็นโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศ ก็สามารถเป็นได้กับเด็กที่ขลิบแล้วเช่นกัน เพียงแค่ต้องเน้นเรื่องการทำความสะอาดเป็นพิเศษ ปัญหาต่างๆ ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ทาง The American Academy of Pediatrics ยังได้แนะนำว่า การขลิบหนังหุ้มปลายในทารกเพศชาย ถือว่ามีทั้งผลดีและผลเสีย ซึ่งการขลิบก็ควรจะให้พ่อแม่ได้รับทราบถึงข้อดีและข้อเสีย และให้ความยินยอม
สรุปเรื่องขลิบ vs ไม่ขลิบ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีประโยชน์และผลเสียในตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องของการขลิบและไม่ขลิบ อีกทั้งในปัจจุบันก็ยังไม่มีผลสรุปแน่ชัดว่าวิธีไหนที่ดีกว่ากัน ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง เพราะไม่ว่าเลือกจะทางไหน ก็ควรต้องศึกษาถึงข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น
คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android