fbpx

“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

6 โรคฮิตหน้าหนาว ที่เด็กต้องระวัง

โรคฮิตหน้าหนาวของเด็ก

6 โรคฮิตหน้าหนาว ที่เด็กต้องระวัง

โดย : หมอคู่คิดส์ | 3 ธันวาคม 2024 | บทความทางการแพทย์

Highlight
– โรคไข้หวัดธรรมดา สามารถพบได้ทุกฤดู แต่ในหน้าหนาวจะเป็นง่ายกว่า 2 เท่า
– โรคไข้หวัดใหญ่ เด็กมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ มีไข้สูง ปวดหัวรุนแรงด้วย อาจถ่ายเหลวร่วมด้วย
– โรคปอดบวม เด็กจะมีอาการไข้สูง หอบเหนื่อย ไอมีเสมหะมาก แน่นหน้าอก หายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก
– โรคอุจจาระร่วง (ไวรัสโรต้า) จะมีทั้งไข้ อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ 3-7 วัน อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
– โรคอีสุกอีใส จะมีตุ่มน้ำขึ้นได้ทั้งตัว มีไข้ 1-2 วัน ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว หรือถ่ายเหลวร่วมด้วย
– โรคหัด จะมีผื่นแดงขึ้นที่หน้า แขน ขา ลำตัว ไรผม พร้อมกับมีจุดสีเทาขาวในกระพุ้งแก้ม

โรคฮิตหน้าหนาวของเด็ก

ในช่วงฤดูหนาว สุขภาพของเด็กๆ ต้องได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ เพราะความหนาวเย็นมักทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กๆ อ่อนแอลง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ และมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยของเด็กๆ มากขึ้น โดยเฉพาะโรคติดต่อที่มักระบาดในช่วงนี้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของลูกน้อยเป็นพิเศษ บทความนี้จะพูดถึง 6 โรคฮิตที่มักพบบ่อยในหน้าหนาว พร้อมทั้งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสาเหตุ การติดต่อ อาการ และวิธีการป้องกันดูแล เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเฝ้าระวังและดูแลลูกน้อยได้อย่างใกล้ชิด

1. โรคไข้หวัดธรรมดา

ถือเป็นโรคยอดฮิตที่พบบ่อยสุดๆ จริงๆ แล้วสามารถเป็นได้ทั้งปี แต่ในฤดูหนาวมักจะมีความเสี่ยงมากขึ้นเป็น 2 เท่า สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือการไอจาม นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนำมือมาสัมผัสตา จมูก หรือปาก

อาการของโรคไข้หวัดธรรมดา

– ไข้ต่ำ
– น้ำมูกใส
– คัดจมูก
– ไอ จาม
– ปวดเมื่อยตามตัว

การป้องกันและการดูแล

– สอนเด็กให้ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด

– หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

– ให้เด็กพักผ่อนอย่างเพียงพอและดื่มน้ำมากๆ

– กินยาลดไข้ หรือกินยาตามอาการ

– สวมหน้ากากอนามัย

– สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและเหมาะสมกับสภาพอากาศ

โรคฮิตหน้าหนาว ไข้หวัดธรรมดา

2. โรคไข้หวัดใหญ่

เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน รวมถึงจมูก ลําคอ และปอด เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) สามารถติดต่อได้ง่ายเช่นเดียวกับไข้หวัดธรรมดา คือผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย หรือการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนำมือมาสัมผัสตา จมูก หรือปาก แต่มักมีอาการที่รุนแรงกว่า

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

– มีไข้สูง หนาวสั่น เหงื่อออก

– ปวดศีรษะรุนแรง

– ปวดเมื่อยตามตัว

– ไอแห้ง เจ็บคอ มีน้ำมูก

– คลื่นไส้ อาเจียน

– ถ่ายเหลว ท้องเสีย

– อ่อนเพลีย

*หากลูกน้อยมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลําบาก มีภาวะขาดน้ำ ปากเขียว ชัก หรือปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน*

การป้องกันและการดูแล

– สอนลูกให้ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์

– กินยาตามอาการ หรือกินยาลดไข้

– เช็ดตัวลดไข้

– ให้เด็กพักผ่อนมากๆ และดื่มน้ำให้เพียงพอ

– หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด หรืออยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย

– สวมหน้ากากอนามัย

*ไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยเด็กสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป*

โรคฮิตหน้าหนาว ไข้หวัดใหญ่

3. โรคปอดบวม

โรคปอดบวม หรือโรคปอดอักเสบ คือ ภาวะติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในถุงลมปอด จนทำให้เกิดการอักเสบ ยิ่งในช่วงที่มีอากาศหนาว เด็กจะมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำลง ก็ยิ่งทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย อีกทั้งยังมักเกิดหลังไข้หวัดเรื้อรัง หรือผู้ที่เป็นโรคหอบหืด สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย เช่น การไอ จาม หรือการสัมผัสใกล้ชิด นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อแทรกซ้อนจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ

อาการของโรคปอดบวม

– มีไข้สูง เหงื่อออกมาก หนาวสั่น

– ไอมีเสมหะมาก

– หอบเหนื่อย

– แน่นหน้าอก

– หายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก

– ซึมลง

การป้องกันและการดูแล

– สอนให้ลูกรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆ

– กินนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรก

– หลีกเลี่ยงการพาลูกไปสถานที่แออัด

– หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ รวมถึงมลพิษทางอากาศ

*โรคปอดบวมสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน*

โรคฮิตหน้าหนาว โรคปอดบวม

4. โรคอุจจาระร่วง (ไวรัสโรต้า)

โรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากเชื้อไวรัสโรต้า ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการท้องเสียรุนแรงในเด็กเล็ก สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี สามารถติดต่อได้จากรับเชื้อทางปาก การกินอาหาร กินน้ำ หรือสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโรค เมื่อเด็กสัมผัสและเอามือเข้าปาก ก็จะทำให้เชื้อโรคเข้าสูร่างกายโดยตรง

อาการของโรคอุจจาระร่วง (ไวรัสโรต้า)

– มีไข้

– อาเจียน

– ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ 3-7 วัน

– อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว

การป้องกันและการดูแล

– ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมและก่อนรับประทานอาหาร

– ดื่มน้ำสะอาด และอาหารปรุงสุก

– กินนมแม่

– ให้เด็กดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

– หมั่นทำความสะอาดของใช้และของเล่นเสมอ

*คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้าให้ลูกน้อยได้ ด้วยการรับวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน สำหรับเด็กวัย 2-6 เดือน*

โรคฮิตหน้าหนาว โรคอุจจาระร่วง ไวรัสโรต้า

5. โรคอีสุกอีใส

เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella virus) หรือ Human herpesvirus type 3 (HHV-3) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายได้ง่าย สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสตุ่มน้ำหรือแผลของผู้ป่วยโดยตรง รวมถึงการหายใจเอาละอองฝอย เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ที่ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้สิ่งของต่างๆ ร่วมกับผู้ป่วยด้วย

อาการของโรคอีสุกอีใส

– มีไข้ 1-2 วัน

– ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว

– เบื่ออาหาร

– มีตุ่มน้ำใสขึ้นทั่วร่างกาย

– อาจมีการถ่ายเหลวร่วมด้วย

การป้องกันและการดูแล

– ให้ลูกพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ

– ไม่เกาหรือแกะแผล

– ดูแลแผลให้สะอาดอยู่เสมอ

– ไม่ควรอาบน้ำอุ่น เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้ง

– เลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่น จนกว่าแผลจะตกสะเก็ด

– รักษาความสะอาดของใช้รอบตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

*การฉีดวัคซีนโรคอีสุกอีใส สามารถช่วยป้องกันได้ 70-85% โดยเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 12-18 เดือน*

6. โรคหัด

เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัส Measles พบบ่อยในเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 0-4 ปี โดยเชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ สามารถติดต่อได้จากละอองฝอยขนาดเล็กในอาการ รวมถึงการสัมผัสสารคัดหลั่งของผูัป่วย ซึ่งเชื่อไวรัสตัวนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมงในอากาศ หรือบนพื้นผิวสิ่งของ

อาการของโรคหัด

– มีผื่นแดงที่หน้า แขน ขา ลำตัว ไรผม

– มีจุดสีเทาขาวในกระพุ้งแก้ม

– มีไข้ ไอ น้ำมูก ปากแดง

– ตาแดง ตาแฉะ

– อาจมีการถ่ายเหลวร่วมด้วย

การป้องกันและการดูแล

– ดื่มน้ำมากๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ

– ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น เช็ดรอบตาเบาๆ

– พักผ่อนในที่แสงน้อย ไม่ให้แสงแยงตา

– แยกผู้ป่วยออกจากผู้อื่น

– กินยารักษาตามอาการ

*โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 9 เดือน*

โรคหัด

ถ้าลืมพาลูกไปฉีดวัคซีน ป้องกันโรคฮิตหน้าหนาว ต้องทำยังไง

หมอคู่คิดส์พร้อมเสิร์ฟบริการดี ฟรี และดีต่อใจสำหรับพ่อแม่ กับฟังก์ชัน “บันทึกวัคซีน” ในแอปฯ ให้คุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนการบันทึกวัคซีนในสมุดแบบเดิมๆ สู่การบันทึกวัคซีนของลูกน้อยผ่านแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนหลัก วัคซีนเสริม หรือวัคซีนอื่นๆ ก็สามารถบันทึกได้แบบครบ จบในมือถือเครื่องเดียว ใช้งานง่าย ไม่มีลืม เพราะมาพร้อมกับระบบแจ้งเตือนเมื่อครบกำหนดฉีดวัคซีนของลูก

สรุปเรื่องโรคฮิตประจำหน้าหนาว

แม้โรคในฤดูหนาวจะมีหลายโรค แต่การป้องกันโรคต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณพ่อคุณแม่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของเด็กๆ อย่างถูกวิธี ด้วยการหมั่นเช็กอาการ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ก็จะทำให้สุขภาพของลูกน้อยปลอดภัยตลอดฤดูหนาวนี้

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ  รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android

โหลดแอปพลิเคชัน
และเริ่มปรึกษาได้เลย

“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม