fbpx

“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

Did you know? มัดรวมเรื่องเด็ด เกร็ดความรู้แม่และเด็ก

ทารกแรกเกิด ถึง 4 เดือน ตื่นมากินนมแม่เป็นระยะ

Did you know? มัดรวมเรื่องเด็ด เกร็ดความรู้แม่และเด็ก

โดย : หมอคู่คิดส์ | 18 ตุลาคม 2024 | บทความแม่และเด็ก

Highlight
– ทารกแรกเกิด ถึง 4 เดือน มีวงจรการตื่นนอนทุก 3 ชั่วโมง จากการตื่นมากินนมแม่เป็นระยะ
– การอ่านนิทานให้ลูกฟัง เป็นจุดเริ่มต้นการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก
– ไม่ควรให้ลูกกินอาหารดิบ เพราะเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค สาเหตุของท้องร่วงและโรคอื่นๆ
– เด็กตั้งแต่แรกเกิด ถึง 12 เดือน เป็นวัยที่ต้องกินนมบ่อยๆ
– การกินนมแม่ตามสูตร 162 จะช่วยให้ลูกได้รับประโยชน์จากนมแม่อย่างเต็มที่
– ไม่ควรให้ลูกใช้รถหัดเดิน เพราะไม่ช่วยเรื่องพัฒนาการ แถมยังเสี่ยงต่ออันตราย
– การให้ลูกกินนมแม่ ยิ่งทำให้แม่ลูกผูกพันกันมากขึ้น

ทารกแรกเกิด ถึง 4 เดือน ตื่นมากินนมแม่เป็นระยะ

ว่าด้วยการเลี้ยงลูกสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มองเผินๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงขวบปีแรกของลูกน้อยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด จึงมีรายละเอียดหรือสิ่งที่ต้องรู้อีกมาก ที่บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะมองข้ามไป บทความนี้เราเลยรวบรวม 7 เรื่องเด็ดและทิปส์ดีๆ ที่เปรียบเสมือนเกร็ดความรู้เกี่ยวกับแม่และเด็กมาฝากกัน

Did you know? ทารกแรกเกิด ถึง 4 เดือน มีวงจรการตื่นนอนทุก 3 ชั่วโมง จากการตื่นมากินนมแม่เป็นระยะ

สำหรับทารกแรกเกิด ถึง 4 เดือนนั้น น้องมักจะตื่นนอนทุกๆ 3 ชั่วโมง เปรียบเสมือนเป็นวงจร เนื่องจากน้องต้องมีการตื่นมากินนมแม่เป็นระยะ จากนั้นเมื่ออายุ 4 เดือนขึ้นไป น้องจะมีรอบการนอนที่นานขึ้น รวมถึงการตื่นนอนที่นานขึ้นด้วย โดยจะตื่นตอนกลางคืนประมาณ 1-3 ครั้ง และนอนตอนกลางวันประมาณ 2-3 รอบ สำหรับเด็กอายุ 4 เดือน – 1 ปี จะนอนประมาณ 12-15 ชั่วโมง/วัน (รวมทั้งกลางวันและกลางคืน) ถือเป็นช่วงอายุที่เริ่มฝึกการนอนได้แล้ว โดยพ่อแม่ควรกำหนดเวลาเข้านอนให้ลูก และกิจกรรมก่อนนอนให้เป็นกิจวัตรประจำวัน หลีกเลี่ยงการเล่นสนุกก่อนนอน เพราะจะทำให้หลับยาก และอาจทำให้ฝันร้ายได้

ฟรี! บริการดีๆ จากหมอคู่คิดส์ “บันทึกการกิน นอน ขับถ่าย” ของลูกน้อย ตัวช่วยจำรายละเอียดชีวิตประจำวันของลูกน้อย เปรียบเสมือนไดอารีของลูกน้อยในมือถือที่ติดตัวพ่อแม่ไปได้ทุกที่

การอ่านนิทานให้ลูกฟัง เป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการ

Did you know? การอ่านนิทานให้ลูกฟัง เป็นจุดเริ่มต้นการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก

การกระตุ้นพัฒนาการของเด็กนั้นมีหลายวิธี โดยหนึ่งในวิธีที่สามารถทำและเริ่มต้นได้ง่ายๆ คือการอ่านนิทานให้ลูกฟัง เพราะการอ่านนิทานถือเป็นอาหารชั้นเลิศของสมอง เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นแห่งการกระตุ้นพัฒนาการทางสติปัญญาและจิตใจของเด็ก ในช่วงแรกเริ่มนั้นอาจลองหามาติดบ้านไว้สัก 3 เล่ม ผสานกับวิธีต่างๆ ดังนี้

– อ่านให้ลูกฟังบ่อยๆ วันละ 15-20 นาที
– อ่านให้ลูกฟังก่อนนอนทุกวัน
– อ่านไป คุยไป ร้องเพลงด้วยก็ได้ หรือจะเต้นด้วยก็ดี

ซึ่งการอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง สามารถช่วยให้ลูกรู้สึกสงบ มีสมาธิ พร้อมรับรู้ถึงความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี เพราะมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมพัฒนาการทางด้านภาษาอีกด้วย

รู้ยัง? หมอคู่คิดส์ มีเพลย์ลิสต์นิทานเสียงด้วยนะ คุณพ่อคุณแม่คนไหนไม่สะดวกเล่าเอง ก็เปิดนิทานเสียงให้ลูกฟังได้เหมือนกันนะ คลิกเลย https://bit.ly/42lYz3N

ฟรี! เช็กพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก สามารถบันทึกการประเมินพัฒนาการของลูกได้ครบทั้ง 5 ด้าน ตั้งแต่ 0-36 เดือน พร้อมแนะนำวิธีกระตุ้นพัฒนาการที่ถูกต้อง ใช้งานได้แล้ววันนี้ในแอปฯ หมอคู่คิดส์

ไม่ควรให้ลูกกินอาหารดิบ เพราะเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค

Did you know? ไม่ควรให้ลูกกินอาหารดิบ เพราะเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค สาเหตุของท้องร่วงและโรคอื่นๆ

คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นสายอาหารญี่ปุ่น เวลาพาลูกน้อยไปกินข้าว คงเคยเจอโมเมนต์ที่ลูกน้อยร้องอยากจะลองกินซูชิ ปลาดิบต่างๆ กันใช่ไหม ต้องบอกเลยว่าการให้ลูกลองกินอาหารเหล่านี้ ถือเป็นอันตรายสำหรับเด็กเล็ก รวมไปถึงอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ไข่ยางมะตูม ไข่ออนเซน ก็ไม่ควรให้ลูกลองกินเช่นเดียวกัน เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

หากไม่รุนแรงมาก ก็จะมีอาการท้องร่วง แต่ถ้ารุนแรงมาก ก็จะไข้ขึ้น ถ่ายเป็นมูกเลือด ลามไปจนถึงการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ ดังนั้นในช่วงขวบปีแรกถึง 2 ปี จึงห้ามเด็ดขาดในการให้ลูกกินเนื้อสัตว์ดิบหรือไข่ที่ไม่สุก ส่วนช่วงอายุที่ปลอดภัยที่สามารถกินอาหารดิบได้ คือตั้งแต่อายุ 5-6 ปีขึ้นไป เพื่อให้น้องได้พัฒนาระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงก่อน

ฟรี! บริการดีๆ จากหมอคู่คิดส์ “บันทึกการกิน นอน ขับถ่าย” ของลูกน้อย ตัวช่วยจำรายละเอียดชีวิตประจำวันของลูกน้อย เปรียบเสมือนไดอารีของลูกน้อยในมือถือที่ติดตัวพ่อแม่ไปได้ทุกที่

ทารกกินนมได้แค่ไหน

Did you know? ทารกกินนมได้มากแค่ไหน? ขนาดกระเพาะลูกน้อยเล็กใหญ่เท่าไร

สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงแรกเกิด คุณแม่มือใหม่ไม่ต้องกังวลมากไป ว่าจะมีน้ำนมให้ลูกกินไม่เพียงพอ
เพราะขนาดกระเพาะทารกแรกเกิดยังค่อนข้างเล็ก ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมช่วงแรกเกิดถึง 12 เดือน เป็นวัยที่เด็กต้องกินนมบ่อยๆ นั่นเอง เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราขอคลายความกังวลใจคุณพ่อคุณแม่ ด้วยการนำขนาดกระเพาะของเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 12 เดือน มาเปรียบเทียบให้พ่อแม่เห็นและเข้าใจถึงความจิ๋วของกระเพราะลูกน้อยในช่วงแรก

– วอลนัต : เด็กแรกเกิดถึง 3 สัปดาห์แรก
ปริมาณ 1-3 ออนซ์/ครั้ง • ทุก 2-3 ชม. • เด็กกินนมวันละ 8-12 ครั้ง/วัน
– ไข่ไก่ : 4 สัปดาห์ – 3 เดือน
ปริมาณ 3-4 ออนซ์/ครั้ง • ทุก 2-3 ชม.• เด็กกินนมวันละ 6-8 ครั้ง/วัน
– ส้ม : 4 – 6 เดือน
ปริมาณ 4-8 ออนซ์/ครั้ง • ทุก 3 ชม. • เด็กกินนมวันละ 4-6 ครั้ง/วัน
– ส้มโอ : 7 -12 เดือน
ปริมาณ 6-8 ออนซ์/ครั้ง • ทุก 4 ชม. • เด็กกินนมวันละ 4-6 ครั้ง/วัน

การให้นมลูกควรสอดคล้องกับปริมาณความต้องการ หากคุณแม่เห็นปริมาณแล้วประเมินว่า น้ำนมที่มีอาจจะไม่พอ สามารถเสริมนมผงที่มีสารอาหารตรงกับช่วงวัยของลูกได้ ทั้งนี้ควรเสริมนมผงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรให้ลูกกินนมจนอิ่มเกินไป หากให้ลูกกินนมมากเกินไปจนเคยชิน เด็กอาจหงุดหงิด ฉุนเฉียวได้ง่าย หากครั้งไหนเขาได้กินน้อย และอาจะนำไปสู่การเกิดภาวะกระเพาะครากในเด็กได้

ฟรี! บริการดีๆ จากหมอคู่คิดส์ “บันทึกการกิน นอน ขับถ่าย” ของลูกน้อย ตัวช่วยจำรายละเอียดชีวิตประจำวันของลูกน้อย เปรียบเสมือนไดอารีของลูกน้อยในมือถือที่ติดตัวพ่อแม่ไปได้ทุกที่

การกินนมแม่ตามสูตร 162

Did you know? การกินนมแม่ตามสูตร 162 จะช่วยให้ลูกได้รับประโยชน์จากนมแม่อย่างเต็มที่

หมอคู่คิดส์แจก 3 ตัวตรง กินนมแม่ต้อง 162 เท่านั้น ซึ่งนี่ไม่ใช่เลขเด็ดไว้เสี่ยงโชคแต่อย่างใด แต่เป็นอีกหนึ่งทริคดีๆ ให้คุณแม่จำได้ง่ายชึ้นกับการให้ลูกน้อยกินแม่ตามสูตร เพราะถือเป็นประโยชน์สำคัญที่จะช่วยให้ลูกน้อยได้รับจากนมแม่อย่างเต็มที่ โดยนมแม่มีภูมิคุ้มกันสูง สามารถช่วยให้เด็กป่วยน้อยกว่าเด็กที่กินนมผสม ผสานด้วยสารอาหารที่เต็มเปี่ยม นอกจากนี้ยังมี

– สารต้านการอักเสบ
– สารต่อต้านเชื้อโรค
– ลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะการแพ้โปรตีนนมวัว
– สร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อลูกได้สัมผัสกับผิวหนังของแม่ขณะกินนม จะได้รับจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่อยู่บนผิวหนังแม่ ซึ่งจะช่วยเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็ก

ฟรี! บริการดีๆ จากหมอคู่คิดส์ “บันทึกการกิน นอน ขับถ่าย” ของลูกน้อย ตัวช่วยจำรายละเอียดชีวิตประจำวันของลูกน้อย เปรียบเสมือนไดอารีของลูกน้อยในมือถือที่ติดตัวพ่อแม่ไปได้ทุกที่

ไม่ควรให้ลูกใช้รถหัดเดิน

Did you know? ไม่ควรให้ลูกใช้รถหัดเดิน เพราะไม่ช่วยเรื่องพัฒนาการ แถมยังเสี่ยงต่ออันตราย

ในอดีตรถหัดเดินเป็นไอเท็มยอดนิยม เพราะคุณพ่อคุณแม่เข้าใจผิดว่าจะช่วยให้ลูกเดินเร็วขึ้น
แต่จริงๆ แล้ว เป็นการทำให้เด็กเดินผิดวิธี เพราะน้องจะเดินด้วยปลายเท้า และลงน้ำหนักไม่เต็มเท้า เนื่องจากความเร็วของรถ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อเรื่องของพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่จะให้ล่าช้า
ส่งผลต่อการทรงตัวของเด็ก รวมไปถึงผลเสียกับการพัฒนารูปเท้าของเด็กด้วย

รถหัดเดินเสี่ยงอันตรายอย่างไร
– หกล้มได้ง่าย
– เสี่ยงพลิกคว่ำ หากลูกเอื้อมหยิบสิ่งของที่อยู่สูง
– หากลูกไถรถไปเร็วๆ อาจสะดุด เมื่อเจอพื้นต่างระดับ
– เสี่ยงต่อการพลัดตกบันได
– อาจวิ่งไปชนสิ่งของขนาดใหญ่ หรือวิ่งไปบนถนนได้

โดยคณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้ลูกเดินได้อย่างปลอดภัยแบบง่ายๆ ดังนี้ โดยเริ่มจากการคลาน หรืออาจลองใช้คอกกั้นให้ลูกได้เกาะเดิน นอกจากนี้ยังอาจให้ลองเกาะสิ่งของขนาดใหญ่รอบตัว โดยพ่อแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

ให้ลูกกินนมแม่ ทำให้แม่ลูกผูกพันกัน

Did you know? การให้ลูกกินนมแม่ ยิ่งทำให้แม่ลูกผูกพันกันมากขึ้น

นมแม่นอกจากเป็นจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กแรกเกิดแล้ว การให้ลูกกินนมแม่ ยิ่งทำให้แม่ลูกผูกพันกันมากขึ้น เพราะเมื่อตอนที่คุณแม่ให้นมลูก จะมีการหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อ Oxytocin ถือเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ซึ่งจะเป็นตัวช่วยเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก นอกจากนี้ Oxytocin จะช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำนมให้เพียงพอต่อลูกน้อยอีกด้วย หากน้องได้กินนมแม่อย่างเพียงพอ ก็จะรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้สัมผัสที่อบอุ่นจากความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ส่วนคุณแม่ที่ให้นมลูก ก็จะรู้สึกมีความสุขที่ได้เลี้ยงลูก และมีความสุขที่ให้ลูกดูดนมเช่นกัน นอกจากนี้ฮอร์โมน Oxytocin ยังมีผลในระยะยาวด้วย เพราะจะทำให้ลูกปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้และมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น

ฟรี! บริการดีๆ จากหมอคู่คิดส์ “บันทึกการกิน นอน ขับถ่าย” ของลูกน้อย ตัวช่วยจำรายละเอียดชีวิตประจำวันของลูกน้อย เปรียบเสมือนไดอารีของลูกน้อยในมือถือที่ติดตัวพ่อแม่ไปได้ทุกที่

สรุปเรื่องเด็ด เกร็ดความรู้แม่และเด็ก

การเลี้ยงดูลูกนั้นเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกวิธี มีพัฒนาการที่สมวัย และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง ซึ่งเกร็ดความรู้ต่างๆ ที่เราแนะนำไปนั้นถือเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ ของเด็ก สามารถปรึกษาแพทย์และพยาบาลผ่านแอปฯ หมอคู่คิดส์ได้เลย ใช้งานง่ายผ่านระบบแชตหรือวิดีโอคอล ถามได้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ  รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android

โหลดแอปพลิเคชัน
และเริ่มปรึกษาได้เลย

“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม