“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

รู้ทัน! การแพ้อาหารในเด็ก พ่อแม่ต้องระวังอะไรบ้าง

การแพ้อาหารในเด็ก

รู้ทัน! การแพ้อาหารในเด็ก พ่อแม่ต้องระวังอะไรบ้าง

โดย : หมอคู่คิดส์ | 14 ตุลาคม 2025 | บทความทางการแพทย์

Highlight

– ภาวะแพ้อาหาร พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
– อาหารยอดฮิตที่เด็กมักแพ้ เช่น นมวัว ไข่ แป้งสาลี ถั่วเหลือง/ถั่วลิสง อาหารทะเล
– อาการส่วนใหญ่จะแสดงตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น ผื่นลมพิษ ตาบวม อาเจียน ท้องเสีย ไอ
– เด็กที่แพ้นม ไข่ แป้งสาลี โตขึ้นมักจะหายแพ้ ส่วนเด็กที่แพ้ถั่วและอาหารทะเล มักไม่หายแพ้

การแพ้อาหารในเด็ก

“ลูกแพ้อาหาร” ถือเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในยุคปัจจุบันที่เด็กๆ มีโอกาสแพ้อาหารบางชนิดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัยแรกเกิดถึงวัยอนุบาล การรู้ทันและทำความเข้าใจเรื่องการแพ้อาหารในเด็กอย่างถูกต้อง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดูแลให้สุขภาพของลูกน้อยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ในบทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความรู้จักกับเรื่องการแพ้อาหารให้มากขึ้น พร้อมวิธีสังเกตอาการ และทริคในการป้องกัน

การแพ้อาหารในเด็ก คืออะไร

การแพ้อาหารในเด็ก คือ ภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อโปรตีนในอาหารบางชนิดอย่างผิดปกติ โดยเข้าใจผิดว่าโปรตีนเหล่านั้นเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย ร่างกายจึงสร้างสารภูมิคุ้มกันออกมาต่อสู้ จนทำให้เกิดอาการแพ้ พบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่บางคนเริ่มแสดงอาการตั้งแต่เริ่มอาหารเสริม (อายุ 6 เดือนขึ้นไป)

อาหารยอดฮิตที่เด็กแพ้ มีอะไรบ้าง

เด็กแต่ละคนสามารถแพ้อาหารแตกต่างกัน แต่มีอาหารบางกลุ่มที่เป็น Top 8 อาหารก่อภูมิแพ้ ที่พบได้บ่อยในเด็ก ได้แก่

– ไข่ไก่ : พบมาก โดยเฉพาะไข่ขาว

– ถั่วลิสง : เสี่ยงอาการรุนแรงถึงขั้นช็อก

– นมวัว : เด็กเล็กแพ้บ่อย แต่อาจหายเมื่อโต

– แป้งสาลี : ก่ออาการแพ้และลำไส้อักเสบ

– ปลา : โดยเฉพาะปลาทะเล

– อาหารทะเลเปลือกแข็ง : กุ้ง หอย ปู

– ถั่วต้นไม้ : เช่น อัลมอนด์ วอลนัต

– ถั่วเหลือง : ใช้ในอาหารแปรรูปหลายชนิด

นอกจากนี้ยังมีอาหารที่เด็กบางรายอาจแพ้ เช่น งา มะม่วง ถั่วเขียว หรือแม้แต่อาหารเสริมบางชนิด

ลูกแพ้อาหาร

อาการแพ้อาหารในเด็ก เป็นอย่างไร

การแพ้อาหารในเด็กสามารถแสดงอาการได้หลากหลาย ทั้งแบบทันที ภายในไม่กี่นาที หรือแบบช้า ภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งอาการสามารถแบ่งตามระบบในร่างกายได้ ดังนี้

ผิวหนัง

– ผื่นลมพิษ
– ผื่นแดง คัน บวม
– ตา ริมฝีปาก ใบหน้า หรืออวัยวะส่วนอื่นๆ บวม

ระบบทางเดินอาหาร

– ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
– ท้องเสีย หรือมีมูกเลือดในอุจจาระ
– ท้องอืด หรือมีแก๊สในลำไส้มาก

ระบบทางเดินหายใจ

– คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม
– หายใจดัง
– ระคายคอ ไอเรื้อรัง หรือไอแบบหอบ
– คันลิ้น เสียงแหบ กล่องเสียงบวม

*หากลูกมีภาวะช็อก หมดสติ เป็นลม ควรรีบพบแพทย์ด่วน*

เด็กแพ้อาหาร อาการ

การป้องกันการแพ้อาหารในเด็ก

แม้การแพ้อาหารในเด็กบางรายจะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่พ่อแม่สามารถลดความเสี่ยงและป้องกันได้ ด้วยวิธีการดังนี้

– ให้ลูกกินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนแรก ซึ่งการให้นมแม่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของอาการแพ้อาหารในอนาคต

– เริ่มกินอาหารตามวัยตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยแนะนำให้เริ่มกินอาหารทีละชนิด และเว้นระยะห่าง 3-5 วันก่อนเริ่มอาหารชนิดต่อไป เพื่อสังเกตอาการ

– เริ่มจากอาหารเสี่ยงแพ้น้อย เช่น ข้าว ผัก ปลาน้ำจืด ไก่

– ควรเลี่ยงการให้ลูกกินอาหารเสี่ยงในช่วง 1 ขวบปีแรก เช่น ถั่ว อาหารทะเล

– อ่านฉลากอาหารทุกครั้ง โดยเฉพาะอาหารแปรรูปที่อาจมีส่วนผสมของถั่ว นม หรือไข่แฝงอยู่

– หากสงสัยว่าลูกแพ้อาหาร ควรจดบันทึกสิ่งที่กินและอาการที่เกิดขึ้น เพื่อให้หมอวินิจฉัยได้แม่นยำขึ้น

ถ้าลูกแพ้อาหาร โตขึ้นจะหายไหม

คำถามยอดฮิตของพ่อแม่หลายคนคือ “ลูกแพ้อาหารแบบนี้ โตขึ้นจะหายไหม?” คำตอบคือ

มีโอกาสหายได้ในอาหารบางชนิด

– เด็กที่แพ้นม 50-60% จะหายเมื่ออายุ 5 ปี

– เด็กที่แพ้ไข่ 50 % จะหายเมื่ออายุ 6 ปี

– เด็กที่แพ้แป้งสาลี 50% จะหายเมื่ออายุ 7 ปี

แต่อาหารบางชนิด แพ้แล้วไม่หาย

– เด็กที่แพ้ถั่วลิสง อาหารทะเลเปลือกแข็ง มักไม่หายแพ้

การป้องกัน แพ้อาหารในเด็ก

สรุปเรื่องการแพ้อาหารในเด็ก

การแพ้อาหารในเด็กอาจดูน่ากังวล แต่หากพ่อแม่รู้เท่าทัน สังเกตอาการ และวางแผนป้องกันอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัยจากภาวะแพ้รุนแรงได้ อย่าลังเลที่จะขอคำปรึกษาจากแพทย์ หากคุณสงสัยว่าลูกแพ้อาหาร เพราะการวินิจฉัยและดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การดูแลลูกเป็นเรื่องง่ายและอุ่นใจมากขึ้น

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการ หรือจิตวิทยาเด็ก สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android

โหลดแอปพลิเคชัน
และเริ่มปรึกษาได้เลย

“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม