“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

โรคไข้อีดำอีแดง โรคระบาดสุดอันตราย ที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

ไข้อีดำอีแดง

โรคไข้อีดำอีแดง โรคระบาดสุดอันตราย ที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

โดย : หมอคู่คิดส์ | 6 มีนาคม 2025 | บทความทางการแพทย์

Highlight

– ไข้อีดำอีแดง เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่มักเกิดขึ้นในเด็ก
– ติดต่อได้จากละอองฝอยของการไอ จาม และการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
– อาการการของโรค คือ ไข้สูง ผื่นแดงตามร่างกาย ลิ้นแดง แก้มแดง
– เน้นรักษาตามอาการ ร่วมกับการให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
– หากไม่ได้รับการรักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้
– ป้องกันได้ด้วยการล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการใช้ของร่วมกัน และงดสัมผัสผู้ป่วย

ไข้อีดำอีแดง

จากกระแสข่าวล่าสุดเกี่ยวกับโรคระบาดตัวใหม่ที่เกิดขึ้นในไทยอย่าง “โรคไข้อีดำอีแดง” ก็ถือว่าทำให้คุณพ่อคุณแม่วิตกกังวลไม่น้อย ซึ่งจริงๆ โรคนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่เกิดขึ้นมาแล้ว แต่แค่กลับมาระบาดในช่วงนี้เท่านั้นเอง บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น รวมถึงวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมตัวรับมือและดูแลลูกน้อยได้อย่างทันท่วงที

โรคไข้อีดำอีแดง คืออะไร

ไข้อีดำอีแดง (Scarlet fever) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่มักเกิดขึ้นในเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุระหว่าง 5-15 ปี โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus pyogenes กลุ่ม A ชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ และโรคผิวหนังบางชนิด แบคทีเรียชนิดนี้สร้างสารพิษที่เรียกว่า erythrogenic toxin ซึ่งเป็นสาเหตุของผื่นแดงที่เป็นลักษณะเฉพาะของโรคไข้อีดำอีแดง ส่วนการติดเชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย การใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ของเล่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ก็สามารถเป็นช่องทางการแพร่เชื้อได้เช่นกัน

โรคไข้อีดำอีแดง

อาการของโรคไข้อีดำอีแดงเป็นอย่างไร

อาการของไข้อีดำอีแดง มักจะปรากฏขึ้นภายใน 1-4 วัน หลังจากได้รับเชื้อ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

– ไข้สูง : มักจะมีไข้สูงเกิน 38.3 องศาเซลเซียส

– เจ็บคอ : คอแดง บวม และอาจมีจุดสีขาวหรือหนองที่ต่อมทอนซิล

– ผื่นแดง : โดยจะเริ่มขึ้นที่หน้าอกและคอ ก่อนจะลามไปทั่วร่างกายภายใน 24 ชั่วโมง ผื่นจะมีลักษณะคล้ายกระดาษทรายและเมื่อกดลงไปจะซีด

– ลิ้นเป็นสีแดงสด : พร้อมมีตุ่มเล็กๆ ขึ้น คล้ายกับผลสตรอเบอรี

– ปวดหัว

– คลื่นไส้ อาเจียน

– ปวดท้อง

– แก้มแดง แต่รอบปากซีด

อาการไข้อีดำอีแดง

การวินิจฉัยโรคไข้อีดำอีแดง

แพทย์จะวินิจฉัยไข้อีดำอีแดงโดยการตรวจร่างกายและสังเกตอาการต่างๆ นอกจากนี้แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเพาะเชื้อจากคอ เพื่อทำการยืนยันการติดเชื้อ Streptococcus pyogenes กลุ่ม A รวมถึงการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อนในบางกรณี

การรักษาโรคไข้อีดำอีแดง

การรักษาไข้อีดำอีแดงหลักๆ คือ การรักษาตามอาการ ร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น penicillin หรือ amoxicillin โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้การดูแลตนเองที่บ้านก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น

– ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

– พักผ่อนให้เพียงพอ

– รับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย

– ใช้ยาแก้ปวดและลดไข้ ตามคำแนะนำของแพทย์

– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

ภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้อีดำอีแดง

จริงๆ แล้วไข้อีดำอีแดงมักจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น

– ไข้รูมาติก

– ไตอักเสบ

– การติดเชื้อที่หูชั้นกลาง

– ไซนัสอักเสบ

– ปอดอักเสบ

– ฝีที่บริเวณรอบต่อมทอนซิล

– เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

การป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง

การป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง

– ล้างมือบ่อยๆ : ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะหลังจากไอ จาม หรือสัมผัสกับผู้ป่วย

– หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน : ไม่ควรใช้แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ของเล่น หรือสิ่งของส่วนตัว ร่วมกับผู้อื่น

– สอนให้ลูกปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม : ใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม หากไม่มีกระดาษทิชชูให้ใช้ต้นแขนด้านในปิด

– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย : หากมีคนในครอบครัวป่วยเป็นไข้อีดำอีแดง ควรแยกผู้ป่วยออกจากผู้อื่นและทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้ป่วยสัมผัสบ่อยๆ

สรุปเรื่องโรคไข้อีดำอีแดง

ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคติดเชื้อที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที การรู้จักอาการและวิธีการป้องกันเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพของลูกน้อย หากสงสัยว่าลูกอาจติดเชื้อไข้อีดำอีแดง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม อย่าปล่อยทิ้งไว้จนเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการเด็ก หรือเรื่องอื่นๆ  รวมไปถึงปัญหาสุขภาพใจหลังคลอดของคุณแม่ สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้! ทั้งในระบบ iOS และ Android

โหลดแอปพลิเคชัน
และเริ่มปรึกษาได้เลย

“หมอคู่คิดส์” แอปฯ หมอเด็กออนไลน์

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม